ความสำคัญของการเก็บรักษารหัสบัตรเครดิต ด้านหลังบัตร (CVV2)
สมัยนี้มิจฉาชีพต่างก็พัฒนารูปแบบการโจรกรรมข้อมูลของลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตไม่ว่าจะเป็น VISA หรือ MASTER CARD จากการตอบแบบสอบถาม การกรอกข้อมูลต่างๆที่ผู้ถือบัตรเป็นผู้เปิดเผยด้วยตัวเองหรือไม่ก็ตาม พวกมิจฉาชีพเหล่านี้ก็จะพยายามสืบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณให้มาที่สุดจากนั้นก็จะเริ่มกระบวนการขอรหัสบัตรเครดิต 3 หลักสุดท้ายเพื่อใช้ยืนยันในการสั่งซื้อสินค้าและส่งไปตามที่อยู่ของตนเอง
รหัสบัตรเครดิตใน 3 หลักสุดท้ายด้านหลังบัตรเครดิต (CVV2) สำคัญอย่างไร
สาเหตุที่พวกมิจฉาชีพต้องการเลข 3 หลักสุดท้ายของบัตรเครดิตนั้นก็เพราะว่ารหัสบัตรเครดิตใน 3 หลักสุดท้าย (CVV2) ถือเป็นรหัสป้องกันรักษาความปลอดภัยในทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อหรือสั่งจ่ายเจ้าของบัตรจะต้องกรอกรหัสบัตรเครดิตดที่ปรากฏอยู่บนด้านหลังบัตรเสมอ ทั้งนี้ ก็เพื่อยืนยันข้อมูลด้านการเงินกับธนาคารที่ต้องการชำระเงิน โดยหมายเลขบัตรเครดิตทั่วไปนั้น พวกมิจฉาชีพสามารถสืบหาจากเอกสารการสั่งซื้อสินค้าที่ผ่านมาในอดีตของคุณได้แต่จะไม่รู้ว่าเลข 3 หลักสุดท้ายด้านหลังบัตรเครดิตคืออะไร ทำให้ไม่สามารถสั่งจ่ายสินค้าในนามของผู้ถือบัตรเครดิตได้ กลายเป็นกลโกงในรูปแบบของโทรศัพท์มาสอบถามเจ้าของบัตรเครดิตโดยตรงเพื่อขอรหัสบัตรเครดิต 3 หลักสุดท้ายโดยอ้างว่าเป็นตัวแทนจากธนาคารต่างๆ โทรมายืนยันข้อมูลแต่จริงๆแล้วเจตนาขอรหัสด้านหลังบัตรต่างหาก
สำหรับใครที่เจอมิจฉาชีพโทรมาแอบอ้างว่าเป็นคนของทางธนาคารจะขอเลขรหัสบัตรเครดิต และชื่อที่อยู่ของผู้ถือบัตรให้ตอบปฎิเสธหรือกดวางสายไปได้เลย เพราะถ้าอิงข้อมูลการทำงานของธนาคารแล้ว ธนาคารไม่มีนโยบายให้พนักงานโทรมาสอบถามข้อมูลกับลูกค้าโดยตรง เป็นไปได้ว่าคนในสายที่คุณกำลังคุยอาจจะเป็นมิจฉาชีพหลอกถามรหัสบัตรเครดิต (CVV2) ก็เป็นได้
เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินป้องกันการเป็นหนี้บัตรเครดิตโดยไม่ได้ก่อ หากได้รับโทรศัพท์น่าสงสัยให้รีบวางสายและโทรติดต่อสอบถามข้อมูลจากธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตโดยตรง ถ้าธนาคารไม่ได้โทรมาถามข้อมูลใดๆ ซึ่งรวมถึง รหัสบัตรเครดิต (CVV2) จากคุณ ก็แสดงว่าคุณโดนมิจฉาชีพติดต่อมาแล้ว
เรียบเรียงโดย Cardzoomer